skip to main
|
skip to sidebar
lenaking
วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ยินดีต้อนรับสู่ BLOG ของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คลังบทความของบล็อก
▼
2008
(3)
►
กรกฎาคม
(1)
▼
มิถุนายน
(2)
การสร้างฐานข้อมูล และ Table
ยินดีต้อนรับสู่ BLOG ของเรา
เกี่ยวกับฉัน
lenaking
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
ฐานข้อมูล
1. ความหมายของฐานข้อมูล-กล่าวโดยย่อ "ฐานข้อมูล (Database)" ก็คือ การนำแฟ้มข้อมูลหลายๆแฟ้มที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมารวมกัน เพื่อสะดวกในการบันทึก จัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลบุคลากร อาจประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลพื้นฐานของบุคลากร แฟ้มประวัติการทำงาน (มีเหตุผลอันดีที่จะต้องแยกแฟ้มประวัตินี้ออกจากแฟ้มข้อมูลพื้นฐาน) แฟ้มคู่สมรส แฟ้มบุตร แฟ้มสุขภาพการเจ็บป่วย ฯลฯ จะเห็นว่าแฟ้มเหล่านี้ต่างก็เกี่ยวเนื่องกันกับบุคลากรทั้งสิ้น กำเนิดแนวคิดเรื่องฐานข้อมูลมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า แผนกต่างๆในหน่วยงานมักจะเก็บข้อมูลของตนเองไว้โดยไม่แบ่งให้ผู้อื่นใช้งาน และถึงอยากให้ใช้แต่ก็เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นเป็นอันมากโดยเฉพาะเวลาที่ต่างคนต่างก็ใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น แผนกบุคลากรมีแฟ้มข้อมูลบุคลากรเก็บอยู่ในเทปแม่เหล็ก ถ้าแผนกสวัสดิการต้องการขอแฟ้มข้อมูลนี้ไปใช้เพื่อเพิ่มรายการข้อมูลเกี่ยวกับการยืม และคืนเงินสวัสดิการลงไปในเทปแม่เหล็กนั้น จะทำให้เกิดปัญหาในด้านโปรแกรมทันทีคือ แผนกบุคลากรจะต้องคอยเปลี่ยนแปลงแก้ไขโปรแกรมตามไปด้วย การทำเช่นนั้นอาจจะทำให้โปรแกรมซึ่งทำงานดีอยู่แล้วอาจผิดพลาดได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่แผนกบุคลากรจะต้องไม่ยอมให้แผนกสวัสดิการมาใช้เทปแม่เหล็กนั้น แผนกสวัสดิการจึงจำเป็นจะต้องจัดทำข้อมูลบุคลากรของตนเองขึ้น ซึ่งเป็นของแน่ว่า ข้อมูลจำนวนมากในเทปแม่เหล็กของแผนก สวัสดิการจะต้องซ้ำซ้อนกับข้อมูลในเทปแม่เหล็กของแผนกบุคลากร เมื่อมีปัญหาไม่สะดวกเช่นนี้จึงมีผู้คิดว่า น่าจะต้องทำระบบโปรแกรมสำหรับจัดการข้อมูลขึ้นมาดูแลข้อมูลที่หลายๆ แผนกใช้ร่วมกันได้ โดยไม่ทำให้แผนกเหล่านั้นต้องแก้ไขโปรแกรมใหม่ เมื่อมีผู้เปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เก็บไว้ร่วมกันนั้น ความคิดนี้ทำให้เกิดการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขึ้น และระบบโปรแกรมที่ว่านั้นก็ได้รับชื่อว่า "ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System เรียกย่อๆว่า DBMS)" ระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการกำหนดลักษณะข้อมูลที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูล อำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล กำหนดตัวผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานข้อมูลได้พร้อมกับกำหนดด้วยว่าให้ใช้ได้แบบใด เช่น ให้อ่านข้อมูลได้อย่างเดียวหรือให้แก้ไขข้อมูลได้ด้วย นอกจากนั้นยังอำนวยความสะดวกในการค้นคืนข้อมูล การแก้ไขปรับปรุงข้อมูล ตลอดจนการจัดทำข้อมูลสำรองด้วย เมื่อใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลแล้ว ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าข้อมูลของตนจะเสียหายหรือถูกผู้ไม่ปรารถนาดีมาแอบอ่านไป เพราะระบบจัดการฐานข้อมูลจะตรวจว่า ผู้ที่ขอใช้ฐานข้อมูลนั้นเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และได้รับอนุญาตให้ทำประการใดกับฐานข้อมูลบ้าง ถ้าหากผู้ใช้พยายามทำอะไรนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้ ระบบจัดการฐานข้อมูลก็จะไม่ยอมให้ทำ เวลานี้ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากๆ นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายระบบ เช่น Access, Oracle, Informix, dBase, FoxPro, Paradox ฯลฯ การเลือกซื้อระบบเหล่านี้มาใช้จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และควรปรึกษาผู้รู้ผู้ชำนาญให้ถี่ถ้วนก่อน กล่าวโดยสรุป "ฐานข้อมูล" เป็นระบบข้อมูลที่ใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลดูแลจัดการ การบันทึก จัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ฐานข้อมูลยอมให้ผู้ใช้หลายคนใช้ข้อมูลเดียวกันได้แต่จะต้องเป็นไปตามที่ได้อนุญาตไว้เท่านั้น
2. ความหมายและข้อดีของข้อมูลเชิงสัมพันธ์-ข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) เป็นฐานข้อมูลที่ใช้โมเดลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Model) เนื่องด้วยแนวคิดของแบบจำลองแบบนี้มีลักษณะที่คนใช้กันทั่วกล่าวคือมีการเก็บเป็นตาราง ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและการประยุกต์ใช้งาน ด้วยเหตุนี้ ระบบฐานข้อมูลแบบนี้จึงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในแง่ของ entity แบบจำลองแบบนี้คือ แฟ้มข้อมูลในรูปตาราง และ attribute ก็เปรียบเหมือนเขตข้อมูล ส่วนความสัมพันธ์คือความสัมพันธ์ระหว่าง entityฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ คือ การเก็บข้อมูลในรูปของตาราง (table) ในแต่ละตารางแบ่งออกเป็นแถวๆ และในแต่ละแถวจะแบ่งเป็นคอลัมน์ (Column) ในทางทฤษฎีจะมีคำศัพท์เฉพาะแตกต่างออกไป เนื่องจากแบบจำลองแบบนี้เกิดจากทฤษฎีทางคณิตศาสตร์เรื่องเซ็ท (Set)ข้อดีของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์มี ดังนี้
- ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เป็นกลุ่มข้อมูลของรีเลชั่นหรือตารางที่ข้อมูลถูกจัดเก็บเป็นแถวหรือคอลัมน์ ซึ่ง ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพของข้อมูลได้ง่าย
- ผู้ใช้ไม่ต้องรู้ว่าข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างไร รวมถึงวิธีการเรียกใช้ข้อมูล
- ภาษาที่ใช้เป็นการเรียกใช้ข้อมูล เป็นลักษณะคล้ายภาษาอังกฤษ และไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นลำดับขั้น
- การเรียกใช้หรือเชื่อมโยงข้อมูลทำได้ง่าย โดยใช้โอเปอร์เรเตอร์ทางคณิตศาสตร์
3. ประโยชน์และความสำคัญของฐานข้อมูล-จัดเก็บและบันทึกข้อมูล (Data Storage)ถ้าข้อมูลนั้นไม่ได้จัดเก็บและบันทึกไว้ ข้อมูลก็จะหายไปไม่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งการจัดเก็บและบันทึก ทำให้การทำงานต่างๆ เป็นระบบดีขึ้น
ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (Reduce Data Redundancy)เมื่อข้อมูลต่างๆ ถูกเก็บไว้ในที่เดียวกัน การซ้ำซ้อนของข้อมูลจึงลดลงได้ สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ (Data Concurrency)เนื่องจาก หลักการของฐานข้อมูลคือ จัดทำฐานข้อมูลเพียงชุดเดียวเพื่อให้ผู้ใช้หลายๆคนใช้ข้อมูลร่วมกัน ไม่มีระบบงานใดระบบงานหนึ่งโดยเฉพาะที่จะเป็นเจ้าของข้อมูลในฐานข้อมูลได้ ลดการขัดแย้งหรือต่างกันของข้อมูล (Reduce Data Inconsistency)เนื่องจากระบบงานต่างๆ เรียกใช้ข้อมูลเดียวกันในฐานข้อมูล จึงทำให้ไม่มีการขัดแย้งของข้อมูล เมื่อมีการปรับปรุงข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในฐานข้อมูล ป้องกันการแก้ไขข้อมูลต่างๆ (Protect Data Editing)ฐานข้อมูลจะยอมให้โปรแกรมหรือผู้ที่มีสิทธิในการแก้ไขข้อมูลเท่านั้นทำการแก้ไขได้ ความถูกต้องของข้อมูลมีมากขึ้น (Data Accuracy)เนื่องจากข้อมูลต่างๆ ถูกเก็บรวมกัน การจัดขั้นตอนในการตรวจสอบข้อมูลที่จะนำมาปรับปรุงฐานข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่จะทำได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ข้อมูลที่จะปรับปรุงฐานข้อมูลนั้นถูกต้อง และข้อมูลในฐานข้อมูลจึงถูกต้องและตรงกับความเป็นจริงไปด้วย สะดวกในการสืบค้นข้อมูล (Data Retrieval or Query)ก่อนการพัฒนาฐานข้อมูลนั้น หน่วยงานอาจจะมีข้อมูลกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ไม่สามารถค้นหามาใช้งานได้สะดวก ยิ่งถ้าหากข้อมูลยังคงบันทำอยู่บนกระดาษ การจะนำข้อมูลมาคำนวณย่อมต้องเสียเวลาบันทึกข้อมูลไปอีก เมื่อจัดทำฐานข้อมูลแล้ว ผู้ใช้ย่อมค้นข้อมูลได้สะดวกขึ้น ค้นได้แล้วก็นำข้อมูลไปใช้คำนวณได้ทันที ป้องกันการสูญหายของข้อมูล หรือฐานข้อมูลถูกทำลาย (Data Security)ฐานข้อมูลจะมีโปรแกรมสำหรับนำข้อมูลที่ถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกลับเป็นอย่างเดิมได้ นอกจากนั้นยังมีระบบการป้องกันการถูกทำลายของฐานข้อมูล จึงทำให้ฐานข้อมูลอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และมีข้อมูลครบถ้วนอยู่ตลอดเวลา เกิดการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ (Apply Information System)การมีฐานข้อมูลในหน่วยงานย่อมเป็นสิ่งที่ดีสำหรับ การสร้างระบบสารสนเทศต่างๆ เพื่อจัดทำรายงานที่จำเป็นสำหรับเสนอผู้บริหาร ถ้าหากไม่มีฐานข้อมูลแล้วระบบสารสนเทศย่อมสร้างไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น